เรื่องราวของเรา

ย้อนกลับไปในปี 1992, เริ่มจากกลุ่มนักศึกษาชาวเวียนนา ที่นำกล้องสีดำตัวเล็ก หรือที่รู้จักกันในชื่อของกล้อง Lomo LC-A โดยพวกเขาได้เจอกล้องเล็กๆเก่าๆตัวนี้ที่เมืองปราก และซื้อกล้องตัวนี้มาใช้สำหรับบันทึกภาพตลอดการเดินทาง

เมื่อเขากลับมาที่เวียนนาและนำฟิล์มไปล้าง พวกเขาประหลาดใจกับสีสันของภาพ, ที่ทั้งสดใสและมีเอกลักษณ์รวมถึงติดขอบมืด ซึ่งคนที่ได้เห็นต่างก็อยากเป็นเจ้าของกล้อง Lomo LC-A และกลุ่มนักศึกษาจึงกลับไปที่รัสเซียและนำความงดงามเหล่านั้นมาเผยแพร่กันที่เวียนนา

และในปีเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ร่วมกันสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับคนรักความสร้างสรรค์ โดยเริ่มจากการก่อตั้ง Lomographic Society International (LSI) โดยมี The Ten Golden Rules of Lomography เป็นเหมือนคัมภีร์สำหรับใครที่ต้องการให้ภาพถ่ายของตัวเองมีความคิดสร้างสรรค์ โดยกฎเหล่านี้ก็สำคัญเหมือนกับกฎที่โรงเรียนสอนศิลปะสอน ทั้งในเรื่องของการวางองค์ประกอบ,เฟรม และคำนึงถึงการถ่ายภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพียงแต่ว่า เราไม่จำกัดการถ่ายในมุมเดิมๆ คุณสามารถถ่ายกลับหัว,ถ่ายแบบไม่มองช่องมอง หรืออะไรก็ตามที่เป็นการสร้างสรรค์ เพียงทำตามสิ่งที่คุณอยากจะทำเท่านั้น และอีกยี่สิบห้าปีต่อมา Lomography ก็เต็มไปด้วยสมาชิกนับล้านคนทั่วโลก ที่รักในการถ่ายภาพ แสวงหาการถ่ายภาพและแสดงความเป็นอิสระอย่างเต็มที่ รวมถึงมีสไตล์และสะท้อนความเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้น





1992

photo

The Lomographic Society International (LSI) จึงเกิดขึ้น . โดยมีการสร้างกฎ Ten Golden Rules of Lomography และ the Lomography Manifesto ที่เขียนและตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ที่ยอดนิยมในเวียนนา the Wiener Zeitung. Lomography จึงได้รวบรวมจัดนิทรรศการครั้งแรกของพวกเขา - the LomoWall จึงเป็นการแสดงภาพให้เห็นถึงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็น Lomography, ที่คิดค้นกันขึ้นมา

1994

photo

Lomography นำมาสู่ความคิดสร้างสรรค์และถ่ายทอดภาพถ่ายเปิดตัวไปทั่วโลกในเว็บไซต์ จาก www.lomo.com. ซึ่งเป็นการจัดนิทรรศการการถ่ายภาพ ที่มีแรงบัลดาลใจมา ที่มีมาตลอด 25 ปี ของ Lomography , มีการเฉลิมฉลองและเปิดเผยภาพ, ผ่าน LomoWalls ใน รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา ได้รวบรวมรูปภาพที่สวยงามจากหลากหลายประเทศทั่วโลกให้ได้ชม

1997

photo

The Lomography ได้เปิดตัวร้านค้าออนไลน์และมีการรีบูตเว็บไซต์ใหม่— www.lomography.com hits the web. A LomoWall มีความยาวมากกว่า 120m ที่รวบรวมรูปภาพมากกว่า 35,000 รูป ที่ได้จัดแสดงขึ้น ในการประชุม World Lomographic ครั้งแรกจัดขึ้นที่ กรุงมาดริด

2000

photo

The Lomography มีสังคมมออนไลน์ในโลกดิจิตัลแล้วนะ! คือ LomoHome ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน Lomography website, ซึ่งเป็นการให้บริการให้คนทั่วโลกได้แบ่งปันรูปภาพของตัวเอง แบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ จัดเก็บและแบ่งปันภาพเพื่อสร้าง LomoWall ของตัวเอง

2001

photo

เป็นครั้งแรกกับ Lomography Gallery Store ได้กำเนิดขึ้น ใน เวียนนา. จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Lomography, และกลายมาเป็นศูนย์กลางของกล้อง Lomography แหล่ง Community ในการจัดเวิร์คช็อปรูปภาพแบบอนาล็อกและกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่สร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์ของเรา.

2005

photo

Lomography ผลิตเลนส์ Fisheye เป็นที่แรก. เป็นการนำเลนส์ 35mm ของกล้องมารวมกับเลนส์ Fisheye , สนุกไปกับเลนส์ตัวเล็กแต่สามารถมองภาพโดยรอบได้ถึง 170°, ที่รวบรวมทุกอย่างรอบตัวคุณไว้ในเลนส์วงกลมขนาดกะทัดรัด

2006

ปีนี้เป็นปีที่ตำนานได้เริ่มต้นขึ้น . Lomography ได้สร้างสรรค์ Lomo LC-A+ —เป็นกล้อง compact ที่ใช้ในการถ่ายภาพในสไตล์สีสันสดใส, มีอารมณ์ความเข้มของสี ที่มาพร้อมกับขอบดำ ที่โดดเด่น Lomo LC-A ยังมคุณสมบัติเพิ่มเติมที่สร้างความตื่นเต้น ทั้ง ชัตเตอร์บี , ถ่ายภาพซ้อน และ อุปกรณ์เสริมให้กับ LC-A+

2007

photo

Lomography ได้สร้างสรรค์สิ่งที่เรารักออกมานั่นคือ Diana F+. ซึ่งเป็นการออกแบบที่หยิบความทันสมัยในช่วง 1960s, เป็นกล้องขนาดกะทัดรัด แต่สามารถถ่ายได้รูปในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่มาพร้อมกับลูกเล่นสนุกๆอีกมาก — ชัตเตอร์บี, การถายภาพซ้อน และลูกเล่นเสริมให้สร้างสรรค์อีกมากมาย

2008

photo

Lomography เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนต์. การประมวลผลและการนำ ฟิลม์ redscaling — มาผสมผสานเทคนิค — สร้างสรรค์ให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นแรกๆ ในการทำ Lomography films : Lomography X-Pro และ Lomography Redscale.

2011

Lomography ยังคงถ่ายภาพต่อไปเรื่อยๆ— และได้เข้าไปในโลกของการถ่ายวิดีโอ. หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เกิด Lomo LC-Wide, the La Sardina และ the limited edition Lomo LC-A+ ของวันชาติรัสเซีย ,Lomography ได้สร้างสรรค์ the LomoKino : ซึ่งเป็นการถ่ายวิดิโอสไตล์ย้อนยุค ที่สามารถถ่ายภาพยนตร์ได้ถึง 144 เฟรมในฟิล์มขนาด 35 mm.

2012

Lomography สามารถทำให้ทำภารกิจการสร้างสรรค์ ฟิลม์ขนาด 110 สำเร็จ, ซึ่งผลิตออกมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2009. Orca B&W 110 film และ Tiger CN 110 film เติบโตอยางรวดเร็ว ตามมาด้วยการเปิดตัวกล้องดิจิตอลขนาดเล็กจำนวน 110 แบบของ Lomography : the Fisheye Baby 110 และ Diana Baby 110. แต่ไม่มีความสามารถในการถ่ายภาพยนต์, Lomography ได้เปิดตัวกล้องถ่ายภาพอัตโนมัติขนาด 6 × 12 แห่งแรกของโลก ได้แก่ Belair X 6-12

2013

photo

ในปี 2013 เป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับการประดิษฐ์ Lomographic และเป็นปีแห่งการถ่ายภาพวันแรก. เริ่มจากการให้ Lomography สามารถสแกนลงบนมือถือ, อุปกรณ์พกพาขนาดเล็กที่แปลงข้อมูลอะนาล็อกให้เป็นดิจิทัลได้ภายในไม่กี่นาที. หลังจากนั้น, the Petzval 85 Art Lens — การสร้างสรรค์ใหม่ของเลนส์ Portrait Petzval กับกล้อง SLR. อีกทั้ง, การสร้างสรรค์สีสัน ฟิล์มม่วงขึ้นในขนาด 35mm และ 120 รูปแบบ.

2014

Lomography เริ่มเข้าสู่การทุ่มเทให้กับ instant camera ซึ่งเป็นสุดยอดการสร้างสรรค์ Lomo’Instant. และไม่ใช่เพียงแค่นั้น— Lomography ยังได้เพิ่ม Russar+ Art Lens ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Lomography Cine200 Tungsten Film และ LomoChrome Turquoise ขนาด 35mm เป็นการเพิ่มคอลเลคชั่นในการสร้างสรรค์ฟิลม์เพิ่มมากขึ้น

2016

เป็นอีกหนึ่งปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับนวัตกรรมใหม่ๆของ Lomo. ด้วยการนำ Daguerreotype Achromat 2.9 / 64 Art Lens , การคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ของเลนส์ออพติกคอล แรกของโลก. ต่อมา, กล้อง Lomo’Instant Automat, มาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เห็นได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์การถ่ายภาพ ,Lomography ยังคงสร้างสรรค์กันต่อด้วยมีการเปิดตัว TEN and ONE Lomography Photo Awards ประจำปี — รางวัลระดับโลก มีการแข่งขันถ่ายภาพครีเอทีฟโดยมีรางวัลน่าทึ่งมากมาย สำหรับคนที่ได้รับรางวัลแสนพิเศษนี้ไป

2017

25 ปีหลังจากการเกิด Lomography Society ที่มีไปทั่วโลก, Lomography ยังคงเก็บมนต์เสน่ห์ของกล้องแบบอนาล็อก ที่ยังสร้างสรรค์การถ่ายภาพมาจนถึงในปีนี้ และได้เพิ่มลูกเล่นมากขึ้นด้วยการสร้าง Lomo’Instant Automat Glass ที่มีความคมชัดขึ้น, นำความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่จำกัด ไปสู่ความเป็นอนาล็อกและทั้งกล้องดิจิตอลที่มีอยู่ทั่วโลก ด้วยระบบเลนส์ Neptune Convertible Art Lens.